วันอาทิตย์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สิทธิผู้ป่วย  10  ประการ
  1. ผู้ป่วยทุกคนมีสิทธิที่จะได้รับบริการด้านสุขภาพตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
  2. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับการบริการจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติเนื่องจากความแตกต่างด้านฐานนะ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา สังคม สิทธิด้านการเมือง เพศ อายุและอายุลักษณะของการเจ็บป่วย
  3. ผู้รับบริการมีสิทธิที่จะได้ทราบข้อมูลอย่างเพียงพอและชัดเจน  เพื่อสามารถเลือกตัดสินใจในการยินยอมและไม่ยินยอมให้การรักษาพยาบาล
  4. ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะฉุกเฉินมีสิทธิที่จะได้รับความช่วยเหลือโดยรีบด่วน ตามความจำเป็นจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยทันทีโดยไม่คำนึกว่าผู้ป่วยจะขอร้องหรือไม่
  5. สิทธิของผู้รับบริการที่จะได้รับทราบ ชื่อสกุลและประเภทของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพที่จะเป็นผู้ให้บริการตน
  6. ผู้มารับบริการมีสิทธิที่จะขอความคิดเห็นจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านอื่น ที่มิได้เป็นผู้ให้บริการแก่ตนเองและมีสิทธิขอเปลี่ยนผู้บริการและสถานบริการได้
  7. ผู้รับบริการมีสิทธิที่จะได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับตนเองจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยหรือปฏิบัติตามกฎหมาย
  8. ผู้รับบริการมีสิทธิที่จะได้รับข้อมูลอย่างครบถ้วนในการตัดสินในเข้าร่วม/ถอนตัว จากการเป็นผู้ถูกทดลองในการทำวิจัยของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพ
  9. ผู้มารับบริการมีสิทธิ ที่จะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับ การักษาพยาบาลเฉพาะของตน ทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนตัวของผู้บุคคลอื่น
  10. บิดา มารดา โดยชอบธรรม อาจใช้สิทธิแทนผู้ป่วยที่มีอายุไม่เกิน ๑๘ ปี บริบูรณ์ ผู้บกพร่องทางกายและทางจิต ไม่สามรถใช้สิทธิด้วยตนเองได้

แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับสิทธิผู้ป่วยของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชด่านซ้าย
.....................................
  1. ผู้ป่วยทุกคนมีสิทธิพื้นฐานที่จะได้รับบริการด้านสุขภาพตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
  2. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับบริการจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยไม่มีการเลือกปฏิบัติเนื่องจากความแตกต่างด้านฐานะ เชื้อชาติ สัญชาติ ศาสนา สังคม ลัทธิการเมือง เพศ อายุ และลักษณะของความเจ็บป่วยเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการผู้ป่วยต้อง
    • ทำความเข้าใจกับสิทธิการรักษาพยาบาลแบบต่างๆ
    • เมื่อพบผู้ป่วยที่ยังไม่ได้รับสิทธิการรักษาที่ควรได้หรือมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิการรักษาให้ส่งผู้ป่วยปรึกษาศูนย์ประกันทันที  หลังการรักษาภาวะฉุกเฉินเร่งด่วนแล้ว
    • หากผู้ป่วยต้องการการรักษาที่ไม่อยู่ในสิทธิตามกฎหมาย ต้องชี้แจงและตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายก่อนการรักษาและบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
  3. ผู้ป่วยที่ขอรับบริการด้านสุขภาพมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลอย่างเพียงพอและเข้าใจชัดเจนจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถเลือกตัดสินใจในการยินยอมหรือไม่ยินยอมให้ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพปฏิบัติต่อตน  เว้นแต่เป็นการช่วยเหลือรีบด่วนหรือจำเป็น
  4. ผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตมีสิทธิที่จะได้รับการช่วยเหลือรีบด่วนจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยทันทีตามความจำเป็นแก่กรณี โดยไม่คำนึงว่าผู้ป่วยจะร้องขอความช่วยเหลือหรือไม่
    • แพทย์ต้องอธิบายให้ผู้ป่วยทราบถึงอาการของโรค วิธีการรักษา ผลดี ผลเสียที่อาจจะมีขึ้นด้วยภาษาที่ผู้ป่วยสามารถรับรู้และตัดสินใจได้
    • ก่อน Admit  แพทย์ต้องแจ้งผู้ป่วยถึงการวินิจฉัยโรคเบื้องต้น  เหตุผลที่ต้อง Admit ระยะเวลาที่คาดว่าจะต้องอยู่โรงพยาบาล  หากต้องทำหัตถการต้องระบุชื่อหัตถการและวิธีการให้ระงับความรู้สึกและให้เจ้าหน้าที่อื่นเป็นผู้จัดการให้ผู้ป่วยลงนามยินยอม (Informed Consent)
    • หากผู้ป่วยเป็นโรคร้ายแรง  เช่น  มะเร็ง  และแพทย์เห็นว่าผู้ป่วยไม่อยู่ในสภาวะที่จะรับความจริงได้ การบอกความจริงอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดความวิตกกังวลอย่างมาก  ควรบอกกับญาติแทน และปรึกษากับญาติว่าควรให้ผู้ป่วยรับทราบความจริงในระดับใด
    • การรักษาทางกายภาพบำบัดและการแพทย์แผนไทย นักกายภาพบำบัดและเจ้าพนักงานการแพทย์แผนไทยเป็นผู้ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมให้แก่ผู้ป่วย
    • การจับยึด มัด แยก ต้องระบุข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ให้ชัดเจนในเวชระเบียนและอธิบายให้ผู้ป่วยหรือญาติทราบ
    • กรณีผู้ป่วยไม่ยินยอมไม่ร่วมมือในการรักษา  แพทย์มีหน้าที่ให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยว่าจะเกิดผลอะไรตามมา  และบันทึกไว้ในเวชระเบียน  ให้ผู้ป่วยลงนามปฏิเสธการรักษา  และแพทย์ปรับการรักษาที่ผู้ป่วยยอมรับ  หรือส่งต่อให้สถานบริการอื่นดูแลต่อ
  5. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับทราบชื่อ  สกุลและประเภทของผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพที่เป็นผู้ให้บริการแก่ตน
    • ทีมรักษาพยาบาลต้องติดป้ายชื่อและตำแหน่งหรือแจ้งให้ผู้รับบริการทราบก่อนให้การรักษาพยาบาล
  6. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะขอความเห็นจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพอื่น ที่มิได้เป็นผู้ให้บริการแก่ตนและมีสิทธิในการขอเปลี่ยนผู้ให้บริการและสถานบริการได้
    • ผู้ป่วยที่ตรวจกับพยาบาลแล้วหากต้องการพบแพทย์  ให้ส่งปรึกษาแพทย์
    • หากผู้ป่วยขอให้ส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลอื่นให้ส่งต่อตามขั้นตอนของการใช้สิทธิในระบบประกันสุขภาพฯ ยกเว้นแต่ผู้ป่วยไม่ต้องการใช้สิทธิให้ส่งไปโรงพยาบาลที่ผู้ป่วยต้องการ
  7. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับตนเองจากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยเคร่งครัด  เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยหรือการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
    • กรณีบริษัทประกันขอทราบข้อมูลของผู้ป่วยต้องมี  หนังสือยินยอมจากผู้ป่วยประกอบทุกครั้ง  และนำเอกสารข้อมูลของผู้ป่วยใส่ซองตีตรา ลับ ส่งให้บริษัทประกัน
    • เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลทุกคนรวมทั้งเจ้าหน้าที่บริษัทที่ทำงานในโรงพยาบาล และต้องเคารพในศักดิ์ศรีและความเป็นส่วนตัวของผู้ป่วยและมีหน้าที่ในการปกปิดความลับของผู้ป่วย
    • การเปิดเผยร่างกายของผู้ป่วย   เพื่อการตรวจวินิจฉัยรักษาพยาบาล  ต้องกระทำในที่มิดชิด  และมีเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจำเป็นอยู่ด้วย
  8. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลอย่างครบถ้วนในการตัดสินใจเข้าร่วมหรือถอนตัวจากการเป็นผู้ถูกทดลองในการวิจัยของผู้ประกอบการวิชาชีพด้านสุขภาพ
  9. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลเฉพาะของตนที่ปรากฎในเวช-ระเบียนเมื่อร้องขอทั้งนี้ข้อมูลดังกล่าวต้องไม่เป็นการละเมิดสิทธิส่วนตัวของบุคคลอื่น
    • เมื่อผู้ป่วยร้องขอประวัติในเวชระเบียน  ให้แพทย์ผู้ดูแลสั่งถ่ายเอกสารให้ผู้ป่วยโดยคิดค่าถ่ายเอกสารได้  แต่ต้องลบข้อมูลส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้อื่นออก  เช่น ติดโรคมาจากใคร
  10. บิดา  มารดา หรือผู้แทนโดยชอบธรรมอาจใช้สิทธิแทนผู้ป่วยที่เป็นเด็กอายุยังไม่เกินสิบแปดปีบริบูรณ์  ผู้บกพร่องทางกายหรือจิต  ซึ่งไม่สามารถใช้สิทธิด้วยตนเองได้
    • การดูแลรักษาผู้ป่วยอายุน้อยกว่า 1ปี ให้ขออนุญาตจากพ่อแม่ หรือผู้ปกครองโดยชอบธรรม
    • ผู้ป่วยที่เป็นโรคจิต ปัญญาอ่อน หรือมีภาวะสับสนไม่รู้สึกตัวต้องให้ญาติสายตรงเป็นผู้ใช้สิทธิแทน
    •  กรณีไม่มีญาตินำส่ง ให้ผู้นำชุมชนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมรับรู้ด้วย
    •  ภาวะฉุกเฉิน  เร่งด่วน ไม่อาจรอได้ให้บันทึกเหตุผลความจำเป็นไว้ในเวชระเบียนให้ชัดเจน